top of page

สับปะรด ผลไม้ที่สายสุขภาพไม่ควรพลาด!!

  • Writer: sge thai
    sge thai
  • Apr 7, 2021
  • 2 min read

สับปะรด (Pineapple) เป็นหนึ่งในผลไม้ที่รสชาติดี สามารถนำมาทำประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย คือสับปะรด เพราะนอกจากจะรับประทานสดแล้ว ยังสามารถนำมาผสมผสานกับอาหารอื่น เพื่อเพิ่มรสชาติอมเปรี้ยวอมหวานได้อีกด้วย ทั้งยังนำมาทำเป็นแยมหรือไส้ของพายได้อย่างอร่อยอีกด้วย สับปะรดนั้นถือว่าเป็นผลไม้ที่มีความทนทานสูง ปลูกง่าย พร้อมอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินเป็นจำนวนมาก และอีกหลากหลายแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายสูง วันนี้ SGE ขอนำความรู้เกี่ยวกับ สับปะรด ผลไม้ที่มากสรรพคุณ มาให้ทุกคนได้รู้จักกัน ตามไปดูกันเลยค่ะ …


คุณลักษณะของ สับปะรด เป็นอย่างไร

จากการศึกษาเพจ มหาลัยมหิดลคณะเภสัชศาสตร์ ได้ให้ข้อมูลว่า สับปะรด (Pineapple) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ananas comosus (L.) Merr. ชื่อพ้อง Ananas sativus Schult. f. เป็นพืชในวงศ์ BROMELIACEAE ชื่ออื่นๆ คือ ขนุนทอง, เนะซะ, แนะ, บ่อนัด, มะขะนัด, มะนัด, ม้าเนื่อ, ย่านนัด, ยานัด, ลิงทอง,สับปะรดลาย, และหมากเก็ง สับปะรดเป็นไม้ล้มลุก สูง 50 – 125 ซม. มีไหล ใบเดี่ยวเกิดจากรากเรียงเวียนเป็นกระจุก รูปแถบ กว้าง 1.5 – 6 ซม. ยาว 50 – 150 ซม. ขอบใบโค้งขึ้นมีหนามแหลม เนื้อใบหนา แข็ง มีเส้นใย ท้องใบมีเกล็ดสีขาว ดอกช่อเชิงลดออกที่ปลายยอด ใบประดับสีแดง เหลืองหรือเขียว กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันปลายแยกเป็นแฉก รูปไข่แกมสามเหลี่ยม กลีบดอกรูปแถบแกมขอบขนาน ปลายแหลม โคนกลีบสีขาว ปลายกลีบสีม่วงหรือแกมชมพู

สายพันธุ์ สับปะรด ที่นิยมนำมารับประทาน สับปะรดมีหลากหลายสายพันธุ์กันเลยทีเดียว แต่ในปัจจุบันสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยและนิยมนำมาปลูก สายพันธุ์อินทรชิต พันธุ์ขาว พันธุ์สวี และพันธุ์ปัตตาเวียสับปะรดเป็นพืชชอบแสงแดดจัดขึ้นได้ในดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินปนลูกรัง ดินทรายชายทะเล และชอบที่ลาดเท ปลูกง่ายโตเร็วใช้น้ำน้อยทนต่อสภาพอากาศร้อน 👉 อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ประมาณ 24 – 30 องศาเซลเซียส

พันธุ์อินทรชิต (Singapore Spanish) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Singapore Spanish จัดเป็นพันธุ์ที่เก่าแก่มากในประเทศไทย เป็นที่รู้จักและปลูกกันอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สับปะรดพันธุ์นี้จะมีหนามแหลมสีน้ำตาลอมแดงที่คมและโค้งงออยู่ตามลำต้น ใบเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนลักษณะของผลนั้นค่อนข้างเล็ก มีตาลึกเมื่อแก่จัด ผลด้านบนนูน เนื้อด้านในเป็นสีเหลืองทอง รสชาติไม่หวานมากนัก และมีเส้นใยมาก พันธุ์ปัตตาเวีย (Smooth Cayenne) มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Smooth Cayenne เรียกอีกชื่อว่า “พันธุ์ศรีราชา” ผลมีขนาดใหญ่กว่าสับปะรดสายพันธุ์อื่นๆ เนื้อหวานฉ่ำเป็นพิเศษ มีใบสีเขียวเข้ม กลางใบเป็นร่องสีน้ำตาลแดง ปลายใบจะมีหนามแหลมขนาดเล็ก นิยมนำไปแปรรูปเป็นสับปะรดกระป๋อง

พันธุ์สวี (Malacca Queen) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Malacca Queen บางคนก็เรียกว่าพันธุ์ภูเก็ต ลักษณะของใบค่อนข้างยาวและแคบ มีสีเขียวอ่อน และมีแถบสีแดงที่กลางใบ ขอบใบเป็นหนามแหลมสีแดง ผลมีขนาดเล็ก มองเห็นตาลึก ผลด้านบนนูน ส่วนเนื้อเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมและรสชาติหวานกรอบ พันธุ์ขาว (Selangor Green) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Selangor Green ลักษณะต้นเป็นทรงพุ่มเตี้ย มีใบสีเขียวอมเหลือง ใบสั้นและแคบชิดกัน ขอบใบมีหนามแหลม ส่วนผลด้านบนมีหลายจุก เนื้อมีรสชาติหวานไม่นัก มีลักษณะใกล้เคียงกับพันธุ์อินทรชิต จึงเชื่อว่าอาจจะกลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ดังกล่าว

สรรพคุณและประโยชน์ของสับปะรด ขณะนี้สถานการณ์สับปะรดอยู่ในภาวะล้นตลาด ทำให้ราคาตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดต้องชอกช้ำ แต่ถ้าได้รู้ถึงสรรพคุณและคุณประโยชน์ของผลไม้ชนิดนี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนต้องพุ่งไปตลาดเพื่อซื้อหาสับปะรดมากินกันอย่างแน่นอน 💖 เพราะบำรุงตั้งแต่ภายนอกจนภายในร่างกาย เพราะนอกจากจะรสชาติหวานซ่อนเปรี้ยว สดชื่น ชุ่มฉ่ำ แถมยังมีราคาสบายกระเป๋าจนแทบจะซื้อทานได้ทุกวันแล้ว สับปะรด ยังมีประโยชน์ที่ใครหลายคนอาจยังไม่เคยทราบอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็น ผลไม้ที่มากประโยชน์เลยทีเดียวค่ะ จะมากขนาดไหน เราไปดูพร้อมๆกันเลย …

  • ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสอยู่เสมอ

  • ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและความแก่ชรา

  • สับปะรดเป็นผลไม้ที่เมื่อรับประทานแล้วจะรู้สึกสบายท้อง ไม่รู้สึกอึดอัด

  • ใช้นำมารับประทานเป็นผลไม้ หรือนำมาปรุงเป็นอาหาร เช่น แกงสับปะรด เป็นต้น

  • นำมาใช้แปรรูปเป็นสับปะรดกระป๋อง ทำเป็นสับปะรดกวนก็ได้

  • การแปรรูปสับปะรดอื่น ๆ เช่น การทําไวน์สับปะรด แยมสับปะรด เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า สับปะรดมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากเพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ จำนวนมาก เช่น คาร์โบไฮเดรต วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 กรดโฟลิก ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุแมงกานีส ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น


👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇

แนะนำ 4 เมนูสับปะรด เพื่อสุขภาพ

ข้าวผัดสับปะรด (Pineapple Fried Rice) ข้าวผัดสับปะรด เรียกได้ว่าเป็นเมนูผัดที่มาแรงสุดในโลกโซเชียลตอนนี้ เป็นสูตรจากคุณ Gam.sali ถ้าพร้อมแล้วเข้าครัว ไปดูส่วนผสมกันเลยค่ะ


  • ข้าว 2 ถ้วย

  • สับปะรด 1 ลูก / กุ้ง 5 ตัว

  • กุนเชียง ¼ ถ้วย

  • แฮม ¼ ถ้วย Ham

  • ลูกเกด 2 ช้อนโต๊ะ

  • เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ

  • ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ

  • กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ

  • เกลือ ½ ช้อนชา

  • พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ

  • ไข่ไก่ 2 ฟอง

  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

  • ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ

  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ตามชอบ

  • ต้นหอม ตามชอบ

  • หมูหยอง ตามชอบ


#ขั้นตอนการทำข้าวผัดสับปะรด

  • ผ่าสับปะรดเป็นทางยาว ประมาณ ¼ ของลูก แล้วเฉือนอีกด้านหนึ่งเป็นทางยาว เพื่อให้วางบนจานได้

  • จากนั้นให้ คว้านเอาเนื้อสับปะรดออก

  • นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่เนยจืดลงไป ตามด้วยกระเทียม กุนเชียง และแฮม ผัดให้เข้ากันจนเหลืองหอม

  • ใส่กุ้งลงไป ตามด้วยแครอท ข้าว สับปะรด และลูกเกด ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม น้ำปลา เกลือ พริกไทย และผงกะหรี่ ผัดให้เข้ากันจนกุ้งสุก

  • ตอกไข่ลงไป และโรยต้นหอม ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง เตรียมจัดเสิร์ฟ

  • จากนั้นตักข้าวผัดใส่ในสับปะรดที่เตรียมไว้

  • โรยหมูหยอง และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ


แกงคั่วหมูสับปะรด (Thai Pineapple Curry Recipe) สำหรับใครที่ติดใจแกงคั่วหมูสับปะรดจากร้านดังที่เคยไปกิน วันนี้เลยอยากจะแนะนำเมนูที่แสนอร่อยที่ทุกคนสามารถลองทำได้ในวันหยุด ซึ่งเป็นสูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน มาพร้อมวิธีทำน้ำพริกแกงคั่ว จะใส่เนื้อสัตว์อื่น ๆ ก็ได้นะคะ จะมีส่วนผสมอะไรบ้าง ไปดูกันเลย …


  • เนื้อสันในหมู (หั่นชิ้น) 250 กรัม

  • สับปะรดศรีราชา (หั่นชิ้น) 300 กรัม

  • หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง

  • กะทิ (ความเข้มข้นปานกลาง) 3 ถ้วยตวง

  • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

  • กระเทียมไทย 20 กรัม

  • ข่าซอย 1 ช้อนชา

  • กะปิ 2 ช้อนชา

  • น้ำตาลปี๊บ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะขามเปียก 2-3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกชี้ฟ้าสีแดง (หั่นเฉียง) 2 เม็ด

  • ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ / น้ำพริกแกงคั่ว

  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

  • พริกชี้ฟ้าแห้ง 5 เม็ด (แกะเมล็ดออกแช่น้ำพอนุ่ม)

  • พริกขี้หนูแห้ง (แช่น้ำพอนุ่ม) 5 เม็ด

  • หอมแดง (หั่นหยาบ) 50 กรัม


#ขั้นตอนการทำแกงคั่วหมูสับปะรด

  • โขลกส่วนผสมน้ำพริกทั้งหมดเข้าด้วยกันจนละเอียด

  • ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่น้ำพริกแกงคั่วลงผัดพอหอม ค่อย ๆ เติมหัวกะทิจนหมด ผัดจนกะทิแตกมัน

  • เติมกะทิพอเดือด ใส่เนื้อหมูลงไปผัดรอจนสุก ตามด้วยสับปะรด

  • ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก คนพอเข้ากันแล้วเคี่ยวต่อสักครู่

  • โรยใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้า คนพอเข้ากัน

  • จากนั้นยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ


สมูทตี้สับปะรด (Pineapple Smoothie) มาทำเครื่องดื่มเมนูสับปะรดคลายร้อนกันดีกว่า ขอนำเสนอสมูทตี้สับปะรด สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน ความพิเศษอยู่ที่ชั้นบนเป็นน้ำสับปะรด ชั้นล่างเป็นน้ำสตรอว์เบอร์รี ปั่นจนเนื้อนุ่มเบาละเอียด อยากจะบอกว่าเมนูทำง่ายมากๆ ทำดื่่มเองก็สุขภาพดี หรือจะทำขายก็ได้นะคะ ฟินมากๆ


  • สตรอว์เบอร์รี (หั่นชิ้นนำไปแช่แข็ง) 1 ถ้วยตวง

  • กล้วยหอม (หั่นชิ้นนำไปแช่แข็ง) 1 ลูก

  • เนื้อมะพร้าวสับ 1/3 ถ้วยตวง

  • กะทิ 1 ถ้วยตวง

  • มะม่วงสุก (หั่นชิ้นนำไปแช่แข็ง) 1 ถ้วยตวง

  • น้ำสับปะรด 1+1/2 ถ้วยตวง

  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

  • เมล็ดแฟลกซ์ 1 ช้อนโต๊ะ

  • อัลมอนด์แท่ง (สำหรับแต่ง)

  • มะพร้าวคั่ว (สำหรับแต่ง)


#ขั้นตอนการทำสมูทตี้สับปะรด

  • ใส่สตรอว์เบอร์รี กล้วยหอม เนื้อมะพร้าว และกะทิลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้

  • จากนั้นปั่นให้เข้ากันจนละเอียด รินใส่แก้วเป็นชั้นที่ 1

  • ใส่มะม่วง น้ำสับปะรด กลิ่นวานิลลา และเมล็ดแฟลกซ์ลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้

  • ปั่นให้เข้ากันจนละเอียด รินใส่แก้วเป็นชั้นที่ 2

  • ตกแต่งด้วยอัลมอนด์แท่งและมะพร้าวคั่ว พร้อมเสิร์ฟ


สมูทตี้สับปะรดอะโวคาโดและกล้วย (Avocado Pineapple and Banana Smoothie) เมนูนี้เราขอนำเสนอ สมูทตี้สับปะรดอะโวคาโดและกล้วย สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน สูตรนี้ได้รสหวานเปรี้ยวธรรมชาติ ยิ่งแช่เย็นยิ่งฟินมากๆ

  • กะทิ 1/2 ถ้วยตวง

  • เนื้อสับปะรด (หั่นชิ้น) 3/4 ถ้วยตวง

  • อะโวคาโดสุก (หั่นชิ้น) 1/2 ลูก

  • กล้วยหอม (หั่นชิ้นแช่แข็ง) 1 ลูก

  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

  • เมล็ดทับทิม (สำหรับแต่ง)

#ขั้นตอนการทำสมูทตี้สับปะรดอะโวคาโดและกล้วย

  • ใส่กะทิ เนื้อสับปะรด อะโวคาโด กล้วยหอม และกลิ่นวานิลลาลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้

  • จากนั้นปั่นให้เข้ากันจนละเอียด

  • รินใส่แก้ว ตกแต่งด้วยเมล็ดทับทิม

  • แค่นี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะทุกคน

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับความรู้ดีๆเกี่ยวกับสับปะรด ขอแนะนำอีกนิดนะคะ อย่าลืมว่า!! ❌ การรับประทานสับปะรดหลังมื้ออาหารจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยอาหาร ซึ่งการรับประทานสับปะรดอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองเล็กน้อยภายในปาก ริมฝีปาก และลิ้นได้ และแม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีการรายงานความเป็นพิษจากการใช้ในรูปแบบของอาหาร แต่ไม่ควรรับประทานในขณะท้องว่าง 👉 เนื่องจากสับปะรดมีความเป็นกรดและมีเอนไซม์บรอมมีเลน หากรับประทานขณะท้องว่าง จะเกิดอาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารได้ 🍍 ผู้ที่แพ้พืชในตระกูลเดียวกับสับปะรดควรหลีกเลี่ยงการรับประทานนะคะ

ที่มา : Sgethai

 
 
 

Comments


  • Facebook
  • Twitter
  • Spotify
  • Apple Music

© 2023 by The Halftimers. Proudly created with Wix.com

The Halftimers Newsletter

Thanks for submitting!

bottom of page