8 ประโยชน์น่ารู้ของ ผักเคล ทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็นราชินีผักใบเขียว
- sge thai
- Jun 17, 2021
- 1 min read

เทรนด์ปัจจุบันคนหันมาดูแลสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น เนื่องมาจากปัญหาโควิด 19 หรือ ฝุ่น PM 2.5 ที่อาจส่งผลต่อการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้แนวคิดของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพก็เริ่มเกิดขึ้นอย่างมากมาย หากสายสุขภาพหลายคนจะรู้จัก คีโต เมล็ดเจีย กันอยู่แล้ว และคงไม่มีใครรู้จัก ผักเคล เราสามารถดูแลสุขภาพโดยเริ่มต้นที่ตัวเราก่อนได้นั่นก็คือ การกิน นั่นเอง วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ เคล คืออะไร ทำไมใครๆ ให้ชื่อว่าเป็น ราชินีแห่งผักใบเขียว ทำไมถึงเป็นเทรนด์ที่นิยมอย่างมากในอมู่คนรักสุขภาพขนาดนี้ วันนี้ SGETHAI จะพาไปรู้จักกับเคล ให้มากยิ่งขึ้นกัน เคล หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า ผักคะน้าใบหยิกใครหลายคนเมื่อได้ทานแล้วนึกสงสัยง่าทำไมถึงมีรสชาติคล้าย คะน้า เนื่องมาจากเคลนั้น เป็นพืชผักที่อยู่ตระกูล หรือ สายพันธุ์เดียวกับ ผักคะน้า เคลยังอยู่ในตระกูลเดียวกันกับ กะหล่ำปลี และ บล็อคโคลี่ ด้วย
ทำไมต้อง ผักเคล ?

สายสุขภาพนิยมเอามาทำ เมนู Kale ปั่น เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบคุณประโยชน์มากมาย และในปริมาณที่สูงอีกด้วยตัวอย่างเช่น พบโปรตีนถึง 4.3 กรัม และวิตามินอื่นๆอีกมาก อาทิเช่น วิตามินบี วิตามินเค วิตามินซี วิตามินบี 6 โซเดียม แคลเซียม โพแทสเซียม เหล็ก ฯลฯ นอกจากนี้ยังช่วยล้างสารพิษในร่างกาย คล้ายๆ สไปรูลิน่า และซัลเฟอร์ ด้วย โดยถ้าเทียบผักหลายชนิดอื่นๆ กับผักชนิดนี้ เป็นระดับ Super Food เลยทีเดียว เนื่องจากพบว่ามีคุณค่ามากมายหลายอย่าง ผู้ที่เป็นโรคไตไม่ควรกินเคล เพราะในผักเคลเป็นผักที่ โพแทสเซียมสูง ผู้เป็นโรคไตอาจจะทำให้ไม่สามารถขับโพแทสเซียมออกจากร่างกายได้เหมือนคนปกติ
เรามาดูกันว่าทำไมเจ้าผักนี้ถึงเป็นสุดยอดผักเพื่อสุขภาพ หรือ “The queen of green” ราชินีแห่งผักใบเขียว กัน 1. ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เนื้องจากมีการค้นพบว่า เคล มีโปรตีนถึง 4.3 กรัม ซึ่งถ้าในบรรดาผักด้วยกันถือว่าเป็นค่าที่สูงเป็นอย่างมาก เหมาะมากสำหรับสายนักกีฬา หรือ สายออกกำลัง โดยมันถูกยกให้เป็น The new beef ไปแล้ว 2.ต้านการอักเสบ เนื่องจากพบว่าใน ผักเคล มีไขมันดีอย่าง โอเมก้า 3 ซึ่งช่วยต่อสู้กับพวกโรคข้ออักเสบ 3.ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากพบว่ามี วิตามินซี วิตามินอี และ วิตามินเอ 4.เผาพลาญได้ดี มีวิตามินซีที่สูง ช่วยให้เราเผาผลาญร่างกายได้ดียิ่งขึ้น 5.ต้านมะเร็ง มีสาร kaempferol และ quercetin อีกทั้งสารต่อต้านอนุมูลอิสระในเคลนั้นยังช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ดีเอ็นเอในขณะเดียวกันก็ชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง 6.ดีท๊อกซ์ลำใส้ ช่วยลดปัญหาที่เกี่ยวข่องกับโรคลำใส้ ด้วยค่าเส้นใยอาหารที่สูงลิ่ว 7.ลดคอเลสเตอรอล ให้อยู่ในระดับปกติ เนื่องมาจากพบว่ามีสารฟีนอลิก และ กรด hydroxycinnamic ควรนำมานึ่งก่อนเนื่องจากผักที่นึ่งแล้วจะช่วยในการจับคอเลสเตอรอลได้ดีกว่า 8.ช่วยเรื่องการขับถ่ายที่ดีขึ้น ผู้ที่มีอาการท่องผูกบ่อยๆ แนะนำเลย เนื่องจากมีไฟเบอร์และน้ำในตัวที่เยอะ เคลที่คนไทยรู้จักหลักๆ มี 2 ชนิด

1. เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale) หรือบางคนเรียก เคลไดโนเสาร์ ลักษณะแตกต่างจากใบหยิกเลย คือมีใบตรง มีลักษณะสีเขียวเข้ม ใบกว้าง 2-3 นิ้ว มีความโดดเด่นที่ใบตรงแต่มีรอยย่น รสชาติออกหวานมากกว่าเคลใบหยิก นิยมนำมากินเป็น “สลัด” หั่นเส้นบางๆ หรือพอดีคำ แล้วคลุกเคล้าน้ำมันมะกอก 2.เคลใบหยิก (Curly Kale) มีความโดดเด่นที่ขอบใบหยิก ลำต้นแข็ง รสชาติคล้ายกะหล่ำ ขมนิดๆ นิยมนำมากินเป็นสลัด และทำสมูทตี้ หรือปั่นเป็นน้ำผัก นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้มีการศึกษาเพิ่มเติมและพบว่า คะน้าใบหยักทำให้น้ำหนักของคุณลดลง และหิวน้อยลง อิ่มยาวนานขึ้น แถมรักษาระดับคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับปกติอีกด้วย ในการรักษาสุขภาพนั้นการกินของที่มีประโยชน์ย่อมเป็นส่วนที่สำคัญมาก แต่ อย่าละเลยส่วนอื่นๆ เช่น การนอน การออกกำลังกาย ด้วย ซึ่งการทานนั้นก็ควรจะรับประทานแต่พอดี ไม่มาก ไป หรือน้อยไป เพราะเคลนั้นก็ยังมีคุณสมบัติที่อันตรายอยู่ ถ้าหากทานเข้าไปมาก เช่น ในผัก Kaleมี Goitrogen หากรับประทานเข้าไปมากอาจก่อให้เกิดอาการท้องอืด และขาดสารไอโอดีนได้
Comments