top of page

กำจัดวัชพืชตามสนิท ด้วยวิธีนี้

  • Writer: sge thai
    sge thai
  • Oct 26, 2021
  • 1 min read


เมื่อวัชพืชเป็นศัตรูพืชปลูก จำเป็นต้องมีการกำจัด เพื่อให้ปริมาณวัชพืชลดลงหรือหมดไป และเพื่อให้การกำจัดหรือควบคุมนั้นมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จัก และทราบลักษณะทางพฤกษศาสตร์หรือวงชีพของวัชพืชนั้นๆ เสียก่อน เช่น วัชพืชที่มีหัวและไม่มีหัวต้องเลือกใช้วิธีการกำจัดหรือใช้ยาต่างกัน พืชใบแคบซึ่งส่วนใหญ่ หมายถึง หญ้าและกก นอกนั้นเป็นพืชใบกว้าง


วัชพืชมีการสนองตอบต่อยากำจัดวัชพืชต่างกันด้วย เช่น สารเคมีพวกกรดซัลฟิวริก (sulphuric acid) จะกำจัดพืชใบกว้างชนิดที่เป็นไม้ล้มลุกอายุสั้นได้ ทั้งนี้เพราะว่าตาหรือยอดอ่อนไม่มีใบหุ้ม สารเคมีจะถูกตา ทำให้ตาหรือยอดอ่อนเสียไป ไม่เจริญเติบโต ส่วนพวกหญ้าและกกซึ่งเป็นพืชใบแคบ ยอดอ่อนหรือตาถูกหุ้มด้วยกาบใบหลายชั้น สารเคมีเข้าถึงตาหรือยอดอ่อนได้ยาก หรือไม่ได้ จึงทำให้การกำจัดวัชพืชเหล่านี้ไม่ได้ผลดีนอกจากนี้แล้ว ยังต้องพิจารณาถึงสภาพแวดล้อม และขนาดเนื้อที่ที่ทำการเพราะปลูกด้วย


วัชพืชเปรียบเสมือนตัวร้ายที่คอยทำลายต้นไม้ต่าง ๆ ในสวน แม้รูปร่างหน้าตาของมันจะดูไม่มีพิษไม่มีภัยแต่หารู้ไม่ว่าวัชพืชต้นน้อย ๆ และรวมถึงต้นหญ้าเหล่านี้นี่แหละ คือหัวขโมยตัวดีที่คอยฉกชิงแย่งสารอาหารในดินไปจากพืชที่เราปลูกไว้ แถมยังทำลายบรรยากาศในสวนให้ดูไม่น่ามองอีกต่างหาก ฉะนั้นมากำจัดเหล่าวัชพืชด้วยวิธีธรรมชาติ ที่ยังทำให้ต้นไม้สวยงาม ดินสมบูรณ์ แต่ไม่มีวัชพืชขึ้นรกหูรกตาให้กวนใจ


1. ดึงออกด้วยมือเปล่าอย่างถูกต้อง


แน่นอนว่าวิธีการจำกัดวัชพืช ขั้นเบสิกก็คือ การดึงออกด้วยมือเปล่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าเห็นที่ไหนแล้วจะต้องดึงออกเลยทันที เพราะควรรดน้ำให้ดินเปียกชุ่มซะก่อนหรือรอหลังจากฝนหยุดตกแล้วค่อยถอนออก เพราะในขณะที่ดินชุ่มน้ำ ดินจะคลายตัวทำให้ถอนหญ้าออกทั้งรากได้ง่ายกว่าดินแห้ง ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้รากขาดง่ายมาก


2. คลุมดินปิดแสง หมดโอกาสเจริญเติบโต


วัชพืชก็เหมือนกับพืชอื่น ๆ ทั่วไปที่ต้องการแสงแดดเพื่อความอยู่รอด ดังนั้นอาจจะคลุมดินด้วยหนังสือพิมพ์หรือม่านพลาสติกไว้ก่อน 1 ชั้น แล้วค่อยโรยแกลบทับลงไปอีกชั้น คราวนี้บรรดาวัชพืชก็หมดทางโผล่ออกมาสังเคราะห์แสงและจะเฉาตายในที่สุด


3. ปลูกพืชอื่น ๆ ให้มากกว่าจำนวนที่วัชพืชมี


หญ้าและวัชพืชคือสิ่งที่คอยแย่งอาหารจากพืชที่เราปลูกไว้ ในทางกลับกันเมื่อพบวัชพืชเจริญเติบโตอยู่ในสวน เราก็ควรปลูกพืชต่าง ๆ ให้มากกว่าหญ้าและวัชพืชที่มีอยู่ เพราะพืชที่เราตั้งใจปลูกเหล่านี้จะไปแย่งสารอาหารจากวัชพืชแทน จนมันอยู่ไม่ได้ต้องโบกมือบ๊ายบายสวนของคุณไป





4. ฉีดพ่นน้ำสัมสายชู ของใช้ในครัวที่มีประโยชน์


แค่มีน้ำส้มสายชูก็ไม่ต้องกลัววัชพืชรกสวนอีกต่อไป โดยเทน้ำส้มสายชูแอปเปิลลงในขวดสเปรย์ แล้วพ่นไปรอบ ๆ แปลงปลูกต้นไม้ บริเวณรอบนอกของสวน หรือฉีดลงบนวัชพืชโดยตรง แต่จะให้ดีควรจะฉีดผสมกับดินก่อนลงเมล็ดปลูก เพราะน้ำส้มสายชูก็จะเกาะอยู่ที่รากของต้นไม้เมื่อโตขึ้น ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้วัชพืชในดินเจริญเติบโตขึ้นมาแย่งอาหารได้อีกทางหนึ่ง


5. สูตรเกลือ ใช้ความเค็มฆ่าวัชพืช


ความเค็มอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ แต่กลับมีประโยชน์อย่างมากกับบ้านของเรา เพราะความเค็มของเกลือก็สามารถจัดการบรรดาวัชพืชที่โผล่ขึ้นตามรอยแตกบนพื้น ผนัง หรือในสวนของเราได้ โดยการต้มน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง เกลือ 1 ถ้วยตวง ให้เดือดและผสมเข้ากันดี จากนั้นนำมาเทราดลงไปบนหญ้าหรือวัชพืชโดยตรง วัชพืชก็จะเหี่ยว แห้ง และตายไปเอง


6. สูตรน้ำส้มสายชูและเกลือ รวมพลังกำจัดวัชพืช


ต่อให้หญ้าและวัชพืชจะขึ้นรกจนมองไม่เห็นพื้นดิน เราก็แค่นำของใช้ในครัวเรือนอย่าง น้ำส้มสายชู 2 ถ้วยตวง เกลือ ½ ถ้วยตวง และน้ำยาล้างจานอีกเล็กน้อย มาเทใส่รวมกันแล้วคนส่วนผสมให้เข้ากันดี จากนั้นเทใส่ขวดสเปรย์เพื่อนำไปฉีดพ่นลงบนวัชพืชหรือหญ้า ที่สำคัญต้องฉีดพ่นอย่างระมัดระวังไม่ให้โดนต้นไม้ที่เราปลูกไว้ในสวนเด็ดขาด


7. สูตรวอดก้า ฆ่าได้ยกแผง


บ้านไหนที่มีวอดก้าเก็บไว้ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยค่ะ เพราะวอดก้านี่แหละจะช่วยฆ่าวัชพืชได้ เพียงแค่ผสมวอดก้า 1 ออนซ์ กับน้ำยาล้างจาน 3 หยด และน้ำเปล่าอีก 2 ถ้วยตวง แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ นำไปฉีดพ่นที่วัชพืชโดยตรง ถ้าจะให้ดีแนะนำให้ฉีดตอนกลางวัน เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ใบคายน้ำออกมามาก และเมื่อวัชพืชเจอกับแสงอาทิตย์มันก็เหี่ยวแห้งตายไปเอง


8. ต้มน้ำร้อนลวกวัชพืชไปเลย


รู้ไหมว่าน้ำต้มร้อน ๆ ที่ได้หลังจากการต้มมันฝรั่ง ต้มเส้น และอื่น ๆ อีกมากมายสามารถนำมาฆ่าหญ้าวัชพืชในสวนได้นะ แค่เทน้ำร้อนลงไปในดินที่มีหญ้าและวัชพืชขึ้นโดยตรง เพียงเท่านี้วัชพืชก็จะตายไปเอง


9. สูตรเบกกิ้งโซดา ของธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด


กำจัดวัชพืช


บอกแล้วว่าเบกกิ้งโซดานั้นเจ๋งจริง ๆ เพราะขนาดงานกำจัดวัชพืชยังต้องมีเบกกิ้งโซดาเข้ามาช่วยเลยล่ะ แค่หยิบเบกกิ้งโซดามาประมาณ 1 กำมือ แล้วโรยลงไปบนวัชพืชโดยตรง ตามรอยแตกคอนกรีต อิฐ และในสวน วัชพืชเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ ล้มหายตายจากไปทีละต้นสองต้น


10. ใช้ความร้อนแผดเผาให้เหี่ยวแห้ง


หญ้าและวัชพืชก็เหมือนพืชอื่น ๆ ที่ต้องการความชุ่มชื่นด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้นเราต้องใช้ความร้อนฆ่ามันซะ แต่ก่อนจะใช้วิธีนี้เราต้องเตรียมอุปกรณ์ป้องกันให้พร้อมและลงมือทำอย่างระมัดระวัง โดยจุดไฟเผาอากาศด้านบนหญ้าและวัชพืชเท่านั้น ห้ามเผาที่ตัววัชพืชโดยตรงเด็ดขาด จากนั้นก็รอให้เปลวความร้อนเผาไหม้วัชพืชให้แห้งเหี่ยวไปเอง


11. กำจัดยากนักก็กินซะให้หมด


อย่าเพิ่งตกใจค่ะ ! เพราะจริง ๆ แล้ววัชพืชบางชนิดสามารถนำมาทำอาหารเอาไว้กินได้ แถมยังมีประโยชน์มากมายอย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เช่น ส้มกบ วอเตอร์เครส ผักเบี้ยใหญ่ ผักเสี้ยนผี ผักกาดน้ำ หญ้าไก่ และหญ้าชันกาด วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณวัชพืชที่ขึ้นรกอยู่ในสวนให้เหลือน้อยลงได้ โดยไม่ต้องใช้เคมีกำจัดให้ดินเสีย


12. สร้างรั้วล้อมรอบ


หากใครติดใจกับรสชาติของวัชพืชจนอยากจะปลูกเก็บไว้เป็นผักสวนครัวก็ได้เช่นกันค่ะ เพียงแต่ต้องหาอิฐบล็อกหรือไม้หนา ๆ มาปักล้อมรอบมันไว้ทำเป็นแปลงปลูกวัชพืชด้วย ไม่เช่นนั้นมันจะลามไปเจริญเติบโตพื้นที่อื่น ๆ ในสวนต่อไป


13. กำจัดมันไม่ได้ก็รักมันซะเลย


ในเมื่อกำจัดวัชพืชมันเกือบทุกวิธีแล้วยังไม่ได้ผลเราก็ต้องลองรักมันแล้วล่ะงานนี้ นำมันมาทำประโยชน์ให้กับบ้าน เช่นเดียวกับมอสส์ญี่ปุ่น วัชพืชชนิดหนึ่งที่สามารถกำจัดสารพิษจากสารกำจัดศัตรูพืชได้ด้วยค่ะ หากพบว่าในบ้านของคุณมีวัชพืชอยู่ละก็แนะนำให้ลองหาข้อมูลว่าวัชพืชชนิดนั้นคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรเพื่อที่จะได้นำไปใช้ประโยชน์ให้ถูกต้องยังไงล่ะ


แถมมม!! ใช้ เครื่องตัดหญ้า แน่นอนว่าวิธีการจำกัดวัชพืช อีกวิธีนึงก็คือ การมี เครื่องตัดหญ้า ไว้ติดบ้าน เมื่อพวกวัชพืชลืมขึ้นก็ตัด แต่ก็ไม่ใช่ว่าเห็นที่ไหนแล้วจะตัดออกเลยทันที เพราะควรรดน้ำให้ดินเปียกชุ่มซะก่อนหรือรอหลังจากฝนหยุดตกแล้วค่อยถอนออก เพราะในขณะที่ดินชุ่มน้ำ ดินจะคลายตัวทำให้ถอนหญ้าออกทั้งรากได้ง่ายกว่าดินแห้ง ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้รากขาดง่ายมาก


ต่อให้วัชพืชหรือหญ้าขึ้นรกพื้นที่จนเป็นอุปสรรคสร้างทัศนียภาพที่ไม่สวยงาม ก็อย่าเอาแต่พึ่งพาสารเคมีอย่างเดียว เพราะนอกจากจะก่อมลพิษให้กับดินแล้ว ยังอาจจะทำให้ต้นไม้สวย ๆ ในสวนของเราตายไปด้วย ลองใช้วิธีธรรมชาติกำจัดธรรมชาติดูก่อน เพื่อรักษาต้นไม้และอาหารในดินเอาไว้ พร้อมทั้งไม่สร้างมลพิษให้กับดินด้วยค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก naturallivingideas, Rd และ Goodhousekeeping

コメント


  • Facebook
  • Twitter
  • Spotify
  • Apple Music

© 2023 by The Halftimers. Proudly created with Wix.com

The Halftimers Newsletter

Thanks for submitting!

bottom of page